วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การโจมตีซอฟเเวร์

 การโจมตีซอฟต์แวร์ (Deliberate Software Attacks) 
หมายถึง เกิดขึ้นโดยการออกแบบซอฟต์แวร์ให้โจมตีระบบจากคนๆ เดียวหรือจากกลุ่มคนมีซอฟต์แวร์ที่ก่อความเสียหาย ทำลาย หรือ ปฏิเสธการบริการของระบบเป้าหมายซอพต์แวร์ที่ได้รับความนิยมคือ Malicious Code หรือ Malicious Software มักจะเรียกว่า มัลแวร์(Malware) มีมากมาย อาทิ ไวรัส (Viruses) เวิร์ม(Worms) ม้าโทรจัน (Trojan Horses) Logic bombs และ ประตูหลัง (Back doors) เรื่องราวของการโจมตีซอฟท์แวร์ที่โด่งดังโดยเฉพาะผลกระทบของ Malicious Code โดยใช้วิธีโจมตีระบบจนทำให้เครื่องไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ (Denial-of-Service) โดยMafiaboy บนWeb site Amazon.com, CNN.com, Etrade.com, ebay.com, Yahoo.com, Excite.com, และDell.com โดยใช้เวลาในการโจมตีประมาณ4 ชั่วโมง มีรายงานว่าความเสียหายทำให้สูญเสียรายได้ล้านดอลลาร์ ต่อไปจะเป็นการอธิบายถึงภัยคุกคามจากมัลแวร์ ประกอบด้วย
มัลแวร์ Malware คือ ถูกออกแบบเพื่อสร้างความเสียหาย ทำลาย หรือระงับการให้บริการของระบบเป้าหมาย มีหลายชนิด เช่น virus worm, Zombie, Trojan Horse, Logic Bomb, Back door


ไวรัส คือ โปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาดิสก์ที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง หรืออาจผ่านระบบเครือข่ายหรือระบบสื่อสารข้อมูล ไวรัสก็อาจแพร่ระบาดได้เช่นกันการที่คอมพิวเตอร์ใดติดไวรัส หมายถึงว่าไวรัสได้เข้าไปฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไวรัสก็เป็นแค่โปรแกรมๆ หนึ่ง การที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำได้นั้นจะต้องมีการถูกเรียกให้ทำงานได้นั้น ยังขึ้นอยู่กับประเภทของไวรัสแต่ละตัว ปกติผู้ใช้มักจะไม่รู้ัตัวว่าได้ทำการปลุกคอมพิวเตอร์ไวรัส ขึ้นมาทำงานแล้วจุดประสงค์ของการทำงานของไวรัสแต่ละตัวขึ้นอยู่กับตัวผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น เช่น อาจสร้างไวรัสให้ไปทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลอื่นๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแสดงข้อความวิ่งไปมาบนหน้าจอ เป็นต้น

                                             

Worm (หนอน) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถแพร่กระจายตัวเองจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยอาศัยระบบเน็ตเวิร์ค (E-mail) ซึ่งการแพร่กระจายสามารถทำได้ด้วยตัวของมันเอง ซึ่งจะแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและทำความเสียหายรุนแรงกว่าไวรัสมาก



Trojan Horse (ม้าโทรจัน)
โทรจันฮอร์สจะแฝงตัวมากับซอฟต์แวร์ จะทำงานเมื่อผู้ใช้รันซอฟต์แวร์ แล้วโทรจันฮอร์สจะทำลายระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เมื่อเรียกไฟล์ .exe ที่มากับแชร์แวร์ หรือ ฟรีแวร์รูปแสดงตัวอย่างสรุปการโจมตีของโทรจันฮอร์ส ประมาณ 20 มกราคม 1999 เริ่มจากผู้ใช้ได้รับอีเมล์ที่มีโปรแกรมโทรจันฮอร์สแนบมาชื่อ Happy99.exe เมื่อเปิดอีเมล์และติดตัง้ โปรแกรมโทรจันฮอร์สที่แฝงมาจะก่อกวนระบบทันที เช่น ลบไฟล์ หรือ สร้างแบ็คดอร์ให้แฮคเกอร์เข้ามาขโมยข้อมูลลบไฟล์ต่างๆในระบบได้

                                                  

Back Door or Trap Door (ประตูหลัง)
Back door หรือ Trap door เป็นสิ่งที่โปรแกรมเมอร์ได้สร้างไว้และรู้กันเฉพาะกลุ่มสำหรับการเข้าไปแก้ไขระบบ ซึ่งเป็นช่องโหว่ให้แฮคเกอร์เข้ามาในระบบและมีสิทธิพิเศษในการแก้ไขสิ่งต่างๆตัวอย่าง ประเภทของback door มี Subseven และ Back Orifice

                                           

Polymorphism (โพลีมอร์ฟิก)
Polymorphism เป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่ได้รับการพัฒนาให้มีความยากในการตรวจจับ อาจจะใช้เวลาหลายวันในการสร้างโปรแกรมตรวจจับ เพื่อจัดการกับ polymorphism เพราะมันใช้เทคนิคการซ่อนลักษณะเฉพาะที่สำคัญ (signatures) ไม่ให้คงรูปเดิม เพื่อหลีกจากการตรวจจับของโปรแกรมแอนตี้ไวรัส
                                                        

ข่าวไวรัสหลอกลวง (Hoax) เป็นรูปแบบหนึ่งที่มีผลต่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมาก โดยไวรัสหลอกลวงพวกนี้จะมาในรูปของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การส่งข้อความต่อๆกันไปผ่านทางโปรแกรมรับส่งข้อความ หรือห้องสนทนาต่างๆ ซึ่งสามารถสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นได้มากหรือน้อยเพียงใด ก็ขึ้นกับเทคนิค และการใช้จิตวิทยาของผู้สร้างข่าวขึ้นมา โดยส่วนใหญ่จดหมายประเภทนี้จะมีหัวข้อที่ชวนเชื่อ อ้างแหล่งข้อมูล และบริษัทใหญ่ๆเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และเมื่อผู้รับส่งต่อไปยังเพื่อนสนิท และคนคุ้นเคย ก็ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นมากขึ้น จากนั้นผู้รับก็จะทำตัวเป็นผู้ส่งต่อๆ ไปอีกหลายๆทอด ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของไวรัสหลอกลวง หากได้รับจดหมายประเภทนี้ก็ไม่ควรที่จะส่งไปต่อๆ หรือควรเช็คจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องก่อนทำการส่งต่อไป

                             

เครดิต : http://forlawer.com/-----------------virus-and-worm-hoaxes.html

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Creative Commons

Creative Commons

ไม่ว่างานชิ้นใดที่ได้รับการสร้างสรรค์ ล้วนแต่ได้รับความคุ้มครองด้านลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญหา สำหรับงานชิ้นใดๆ ที่เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต ต่างก็ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ในการผลิต จัดทำ เผยแพร่ ในตัวของมันเองอยู่แล้ว เรามาทำความรู้จักกับสัญญาอนุญาต Creative Commons (ครีเอทีฟคอมมอนส์) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงกำไรที่สนับสนุนการสร้างและนำสื่อกลับมาใช้ โดยไม่ถูกจำกัดจากลิขสิทธิ์ โดยสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ เอื้อประโยชน์ให้กับผู้สร้างสรรค์งานสามารถกำหนดได้อย่างชัดเจนว่า จะให้ผู้นำไปใช้ต่อทำอะไรได้บ้าง โดยไม่ต้องขออนุญาต





สัญญาอนุญาต Creative Commons (ครีเอทีฟคอมมอนส์) จะช่วยลดความยุ่งยากในการขออนุญาตลง เพราะหากเป็นงานเพลง บทความ ที่มีผู้ขอไปใช้เยอะมากๆ แทนที่จะขออนุญาตเป็นรายๆไป ก็สามารถนำไปใช้โดยอ้างอิงตามที่ผู้สร้างสรรค์ผลงานได้กำหนดไว้

ลองนึกภาพดูว่า ลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญาเกิดขึ้นเมื่อใด ทันทีที่มีการผลิต สร้างสรรค์งานใดๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ช่างภาพ นักเขียน นักดนตรี ศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานออกมา หรือแม้แต่บทความในเว็บไซต์นี้ ต่างก็อยากจะให้คนอื่นนำผลงานไปเผยแพร่ต่อ โดยไม่มีการแก้ไข ดัดแปลง หรือนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ อย่างเช่น บทความในเว็บไซต์ต่างๆ อาจกำหนดให้ผู้อื่นสามารถนำไปใช้งาน หรือเผยแพร่ต่อได้โดยมีการอ้างอิงแหล่งที่มา ชื่อผู้เขียน แต่ไม่ให้ทำการแก้ไข ดัดแปลง และไม่ให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ เรียกได้ว่า คุณมีเสรีภาพที่จะแบ่งปัน ทำสำเนา แจกจ่าย และส่งงานเผยแพร่ต่อไปได้โดยที่ไม่ทำการแก้ไข ดัดแปลง ตัดทอน เนื้อหาใดๆ และไม่นำไปใช้ประโยชน์ทางการค้า ภายใต้สัญญาอนุญาตสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แต่หากคุณต้องการที่จะเรียบเรียงใหม่ ดัดแปลง หรือนำไปใช้ในทางการค้า จะต้องมีการขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษณ์ก่อน

สัญญาอนุญาต Creative Commons ทำหน้าที่เป็นใบอนุญาตลิขสิทธิ์ผลงาน ที่เป็นมาตราฐาน ให้สามารถนำไปใช้อย่างเปิดเผย กับผลงานใดๆ ตามเงื่อนไขที่เจ้าของผู้ผลิตผลงานชิ้นนั้นๆไดักำหนดไว้ และเรายังสามารถกำหนดขอบเขตของลิขสิทธิ์ผลงานเราได้ จาก “all rights reserved” เป็น “some rights reserved” เพื่อระบุขอบเขตของลิขสิทธิ์ว่า สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด หรือ ส่วนหนึ่งส่วนใดของชิ้นงาน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ ไม่ได้เป็นตัวเลือกของการคุ้มครองลิขสิทธิ์แบบ copyright แต่ทำงานร่วมกันเพื่อเปิดโอกาสและยืดหยุ่นให้ปรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของการคุ้มครองลิขสิทธิ์ในแต่ละชิ้นงานได้เอง รายละเอียด Creative Commons

Creative Commons Thailand

                                   

หลายคนคงสงสัยว่า สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons license) คืออะไร มันคือข้อตกลงที่ช่วยให้ผู้สร้างสรรค์งานสามารถแชร์ผลงานกับผู้อื่นได้ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น รวมทั้งชิ้นงานดังกล่าวอาจถูกนำไปต่อยอดได้โดยไม่ต้องแจ้งขออนุญาตเจ้าของงานก่อน

ครีเอทีฟคอมมอนส์ เป็นหนึ่งในความพยายามเพื่อเผยแพร่งานสร้างสรรค์ด้วยการ สงวนสิทธิ์บางประการ (Some rights reserved) มากกว่าจะต้องยึดติดกับการสงวนสิทธิ์ทั้งหมด (All rights reserved) เพราะแบบหลังนี่บางครั้งทำให้เกิดข้อจำกัดในการเผยแพร่งานได้ เช่นที่เรามักเห็นตามเว็บไซต์หลายๆ แห่งเขียนประมาณว่า
“สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ห้ามทำซ้า เผยแพร่ จัดแสดง หรือดัดแปลง

โดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร…”
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว มีความรู้อยู่มากมายในโลกอินเทอร์เน็ต ที่สมควรแก่การแบ่งปัน แลกเปลี่ยน เพื่อให้เกิดคุณประโยชน์สูงสุด ดีกว่าเก็บเอาไว้ไม่มีใครรับรู้ ไม่มีใครเห็น ดังนั้นการนำ ครีเอทีฟคอมมอนส์ มาใช้ จึงดูเป็นทางออกที่น่าสนใจและแน่นอนว่าตัวเจ้าของงานก็ยังมีสิทธิ์ในชิ้นงานของตนเช่นเดิม ไม่จำเป็นต้องยกให้เป็นสาธารณะสมบัติ (Public Domain) หมดเสียทีเดียว

งานสร้างสรรค์ที่ใช้ ครีเอทีฟคอมมอนส์ ก็มีอยู่อย่างมากมายเช่น ภาพถ่าย, เพลง, บทความ, คลิปวิดีโอ ฯลฯ เป็นการส่งเสริม “วัฒนธรรมเสรี” หรือ Free Culture ที่ทุกคนแบ่งปันกัน มากกว่าเน้นเชิงพาณิชย์แล้วลงเอยด้วยการที่ต้องนำกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญามาบังคับใช้ ซึ่งน่ายินดีว่า ครีเอทีฟคอมมอนส์ มีเวอร์ชั่นภาษาไทยอย่างเป็นทางการแล้ว

สัญลักษณ์ Creative Commons


การสร้างไฟล์ Creative Commons

      สร้างไฟล์ภาพสำหรับเว็บด้วย Paint
- โปรแกรม Paint เป็นโปรแกรมมาตรฐานของ Windows ทุกรุ่น โดยเฉพาะ Windows 98 เป็นต้นไป ได้เพิ่มความสามารถในการจัดเก็บไฟล์ (Save) ในฟอร์แมต .GIF และ .JPG ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่สะดวกในการสร้างไฟล์กราฟิกสำหรับเว็บแบบง่ายๆ และรวดเร็ว โดยมีตัวอย่างการสร้างงานดังนี้
เปิดโปรแกรมที่ต้องการนำภาพมาใช้งาน เช่น Microsoft Word, Excel หรือ PowerPoint
ปรับแต่งรูปภาพตามต้องการ เช่น ย่อขนาด



- คลิกเลือกภาพ แล้วเลือกเมนูคำสั่ง Edit, Copy (แก้ไข, คัดลอก) เพื่อบันทึกรูปภาพไว้ในหน่วยความจำ
เรียกใช้โปรแกรม Paint โดยคลิกปุ่ม Start จากแถบสั่งงาน แล้วเลือกรายการ Program, Accessories, Paint
เมื่อปรากฏหน้าจอโปรแกรม Paint ให้ใช้เมนูคำสั่ง Image, Attribute เพื่อตั้งค่าพื้นที่ทำงานให้มีขนาดเล็ก เช่นขนาด 100 x 100 Pixels






- จากนั้นเลือกเมนูคำสั่ง Edit, Paste เพื่อวางภาพลงในโปรแกรม ถ้าโปรแกรมปรากฏหน้าต่างสอบถามการวาง ให้คลิกปุ่ม Yes





จากนั้นเลือกเมนูคำสั่ง File, Save (หรือ File, Save As..) ตั้งชื่อไฟล์, ไดร์ฟ และเลือกรูปแบบของภาพเป็น .GIF หรือ .JPG ตามที่ต้องการ

เว็บที่ใช้ Creative Commons


ที่มา : http://yadfonfoundation.org/2012/09/06/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%9D%E0%B8%99-%E0%B8%88/

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความเเตกต่างระหว่างข้อมูลเเละสารสนเทศ

ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงที่อยู่ในธรรมชาติเป็นกลุ่มลักษณะเเทนปริมาณที่ยังไม่ผ่านการวิเคระห์ ต่างหรือยังไม่ประมวลผลอยู่ในรูปของตัวเลข ตัวหนังสือ รูปภาพ เเผนภูมิ
สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ผ่านการเปลี่ยนเเปลง หรือประมวลผลมาเเล้ว เพิ่มความรู้ความเข้าใจของข้อมูล
เป็นการรวบรวมข้อมูลหลายๆเเห่งเเต่จุดประสงค์จุดเดียวกัน

ความเเตกต่างระหว่างข้อมูลกับสารสนเทศ
ข้อมูล คือ สิง่ที่ใช้อธิบายลักษณะของวัตถุ เหตุการณ์ กิจกรรมโดยการบันทึกจากข้อมูล การทดลอง 
สารสนเทศ คือ การนำข้อมูลมาประมวลผล เช่น ส่วนสูงของ น.ร หญิง เเละ น.ร ชายเเต่ละคน

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

10 วัดที่สวยที่สุดในโลกปี 2012

10. Ankor Wat : the largest temple in history ราชอาณาจักรกัมพูชา

ปราสาทนครวัด (Angkor Wat) เป็นเทวสถานฮินดูลัทธิไวษณพนิกาย ที่นับถือพระวิษณุเป็นเทพเจ้าสูงสุด สร้างโดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เมื่อช่วงครึ่งแรกคริสต์ศตวรรษที่ 12 เพื่ออุทิศถวาย แด่องค์พระวิษณุที่พระองค์เชื่อว่า เป็นร่างของพระองค์เอง ในขณะที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ และหลังจากสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ศาสนสถานแห่งนี้ ก็จะเป็นพระราชสุสานที่พระองค์ จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระวิษณุ

9. The Temple of Srirangam ( Sri Ranganathaswamy Temple) ประเทศอินเดีย

วัดนี้อยู่ในประเทศอินเดีย เมือง Tiruchirapalli หรือ Trichy เป็นวัดของศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในโลก

8. The Harmandir Sahib : the Golden Temple in Punjab ประเทศอินเดีย

วิหารฮัรมันดิร ซาฮิบ หรือ วิหารทองคำ เป็นวิหารที่สำคัญที่สุด ในศาสนาซิก ตั้งอยู่ที่เมืองอัมริตสาร์ เมืองหลวงของ แคว้นปัญจาบ ทางภาคเหนือของประเทศอินเดีย

7. Borobudur เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย

บุโรพุทโธ ( Borobudur ) พุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8-9 โดยกษัตริย์ราชวงศ์ไศเลนทร ตั้งอยู่บนเนินสูงของเกาะชวาภาคกลาง ห่างจากเมือง ยอกยากาตาร์ ( Yogyakata ) ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 40 กิโลเมตร ถือเป็นโบราณสถาานขนาดใหญ่ และเป็นศูนย์รวมแห่งความภาคภูมิใจของชาวอินโดนิเซีย และชาวพุทธทุกคน ซึ่งหวังจะไปแสวงบุญสักครั้งในชีวิต เจดีย์บุโรพุทโธรูปทรงดอกบัวนี้ก่อสร้างตามแบบศิลปะฮินดู-ชวา หรือศิลปะชวาภาคกลางที่ผสมผสาานระหว่างอินเดียและอินโดนีเซีย ได้อย่างกลมกลืนที่สุด บุโรพุทโธเปรียบเป็นศูนย์กลางของจักรวาล

6. Chion-in Temple กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

วัดจิออนอิน (Chion-in temple) พื้นที่ของวัดนั้ใหญ่โตอลังการ แทรกตัวอยู่ในเขาเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นมาก วัดนี้สร้างในปี ค.ศ. 1234 เพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้ก่อตั้ง ศาสนาพุทธนิกายโจโด เป็นนักบวช ชื่อว่า Honen

5. Temple of Heaven : a Taoist temple in Beijing สาธารณรัฐประชาชนจีน

หอฟ้าเทียนถานเป็นสถานบวงสรวงเทพยดาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งยังคงรักษาไว้ในจีน ประกอบด้วยตําหนักฉีเหนียนเตี้ยน ตําหนักหวงฉงอี่ และลานหยวนชิว เป็นต้น เทียนถานตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงปักกิ่ง มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๗๓ เฮกต้าร์ เป็นสถานซึ่งจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิงใช้เป็นที่บวงสรวงเทพยดา ในระยะย่างเข้าฤดูหนาว ถึงเดือนอ้ายตามจันทรคติทุกปี พระจักรพรรดิจะเสด็จไปประกอบ พระราชพิธีบวงสรวงที่นั่นเพื่อให้การเก็บเกี่ยวได้ผลอุดม

4. The Shwedagon Paya (or Pagoda) สหภาพพม่า

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุ พระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น ตามตำนาน เจดีย์ชเวดากองนั้นสร้างเมื่อง 2,500 ปีที่แล้ว แต่นักโบราณคดีเชื่อกันว่าสร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 6-10 สร้างโดยชาวมอญ ตามตำนานนั้นเริ่มจากว่า มีสองพี่น้อง พ่อค้า 2 คน ได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ามา พระองค์จึง ประทานพระเกศามา 8 เส้น พระเจดีย์ได้ถูกทิ้งร้าง จนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 รัชสมัยพระเจ้าพินยาอู ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์ใหม่สูง 18 เมตร พระเจดีย์ได้ถูกซ่อมแซมมาเรื่อยมา จนมามีความสูง 98 เมตรในปัจจุบัน บนยอดสุดของพระเจดีย์ มีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด โดยเฉพาะ ชั้นข้างบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่อยู่ 72 กะรัต และทับทิม 2,317 เม็ด

3. Prambanan : Hindu temple ประเทศอินโดนีเซีย

วัดฮินดูพรัมบานัน : Prambanan Temple พรัมบานันเป็นวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียหรือจะเรียกว่า ใหญ่ที่สุดในเอเซียอาคเนย์เลยก็ได้ ตั้งอยู่ที่เมืองพรัมบานัน ตอนกลางของเกาะชวา และอยู่ไม่ไกลจากเกาะจากาตาร์มากนัก วัดถูกสร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 1340 โดยสันนิษฐานว่า น่าจะสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ Rakai Pikatan จากราชวงศ์ Mataram ที่ 2 หรืออาจะสร้างในสมัยกษัตริย์ Balitung Maha Samba จากราชวงศ์ Sanjaya ได้รับความเสียหายมากในช่วงปี 2006 เพราะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่นี่

2. วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย

วัดร่องขุ่น (Wat Rong Khun) ออกแบบและก่อสร้างโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งปรารถนาจะสร้างวัด ให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ เริ่มสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 จากเดิมมีเนื้อที่ 3 ไร่ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มและมีผู้บริจาคคือ คุณวันชัย วิชญชาคร จนปัจจุบันมีเนื้อที่ 9 ไร่

1. Tiger's Nest Monastery ประเทศภูฏาน

ถือเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของภูฐาน ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 700 เมตร จากพื้นล่างในหุบเขาปาโร และด้วยระดับความสูง 3,120 เมตร จากระดับน้ำทะเล ฉายาว่า “รังเสือ” ของวัดนี้ ได้มาจากตำนานเก่า ที่เล่าว่า พระรินโปเช (Padmasambhava - Guru Rinpoche) ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่นิกายมหายานในภูฐาน ได้เหาะมาที่นี่บนหลังเสือ และได้เข้าไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ในถ้ำ เป็นเวลาถึง 3 เดือน หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2227 จึงเริ่มมีการสร้างวัดนี้ขึ้นมาฃ

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

10 สถานที่มหัศจรรย์ของโลก

โลกของเรามีสถานที่มากมายที่มีลักษณะพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ ที่เกิดจากการรังสรรค์ของธรรมชาติกินเวลานับหมื่นนับแสนปี ทำให้สถานที่หลายแห่งมีความงดงามและแปลกประหลาดจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าสถานที่แห่งนั้นจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ แต่จะมีสถานที่ใดบ้างที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่ที่แปลกสุด ๆ ที่ไม่มีใครคิดว่ามีในโลกนี้กันบ้างวันนี้กระปุกดอทคอมได้นำเรื่องราวเกี่ยวกับ 10 อันดับสถานที่ที่แปลกที่สุดในโลก จากเว็บไซต์ vacationhomes มาฝากกันแล้ว ว่าแล้วก็ลองไปดูพร้อม ๆ กันดีกว่าว่ามีที่ไหนบ้าง

 1. เกาะโซโคตร้า (Socotra Island)

          เกาะโซโคตร้า เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเกาะทั้ง 4 ของประเทศเยเมน ในมหาสมุทรอินเดีย เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่แสนสงบและมีภูมิประเทศ ภูมิอากาศเฉพาะตัว ทำให้เหมาะแก่การเติบโตของพืชสายพันธุ์แปลก ๆ ที่หาชมไม่ได้ที่ไหน เพราะมีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดกว่าพืชชนิดอื่นบนโลก  ซึ่งต้นไม้บางต้นคงอยู่บนเกาะนี้มานานกว่า 20 ล้านปีแล้ว จากความงดงามและความแปลกประหลาดของพืชพรรณชนิดต่าง ๆ เหล่านี้เองที่ทำให้เกาะแห่งนี้ดูราวกับเป็นสถานที่บนดาวดวงอื่น และเกาะโซโคตร้าแห่งนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกแล้ว เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2008

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 2.  บ่อน้ำพุร้อนแกรนด์พรีสเมติก (Grand Prismatic Spring)

          บ่อน้ำพุร้อนแกรนด์พรีสเมติก เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน สหรัฐอเมริกา ซึ่งสีสันที่แบ่งเฉดเป็นสีน้ำเงินตรงกลางบ่อและสีส้มที่ขอบบ่อนี้เองที่ทำให้สถานที่แห่งนี้งดงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย จนไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลกนี้ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายถึงการแบ่งเฉดสีของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ว่า ขอบบ่อที่เป็นสีส้มนั้นเกิดขึ้นจากแบคทีเรียที่เจริญเติบโตอย่างหนาแน่นบริเวณขอบบ่อ เนื่องจากภายในบ่อนั้นอุดมไปด้วยแร่ธาตุและมีอุณหภูมิที่เหมาะสมนั่นเอง

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 3. พามุกคาเล (Pamukkale)

          พามุกคาเล เป็นระเบียงบ่อน้ำพุร้อนที่แสนจะงดงามแห่งประเทศตุรกี ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการเกิดแผ่นดินไหวของโลกในอดีต โดยความงดงามสุดวิจิตรของสถานที่แห่งนี้ก็เกิดขึ้นจากบ่อน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งเมื่อน้ำพุร้อนระเหยขึ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ไอน้ำก็ทำให้ค่อย ๆ ก่อให้เกิดชั้นของแคลเซียมเกาะบริเวณขอบบ่อจนเกิดเป็นผนังสีขาวขึ้นนั่นเอง

          สำหรับคำว่าพามุกคาลานั้นเป็นภาษาตุรกีอันหมายถึง ปราสาทฝ้าย แต่ในอดีตชนเผ่ากรีก-โรมันที่สร้างเมืองอยู่เหนือสระน้ำแห่งนี้ได้เรียกมันว่า เฮราโพลิส อันหมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ ด้วยสรรพคุณในการรักษาบำบัดอาการต่าง ๆ ของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ ทำให้มันถูกใช้เป็นสปาบำบัดมานานกว่าพันปี แต่ในตอนนี้พามุกคาเลที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วนั้นได้ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไปอาบแช่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้สถานที่แห่งนี้เกิดความเสียหายขึ้นนั่นเอง

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 4. แม่น้ำสีแดง (Rio Tinto River)

          แม่น้ำสีแดง ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสเปน มีต้นน้ำไหลมาจากภูเขาเซียร์ร่า โมรีน่า โดยสำหรับสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของมันนั้นเกิดขึ้นจากแร่โลหะชนิดต่าง ๆ ที่อยู่รอบแม่น้ำสายนี้ ไม่ว่าจะเป็นแร่ทองแดง แร่เหล็ก แร่โลหะ และแร่อื่น ๆ ซึ่งทำให้น้ำในแม่น้ำมีความเป็นกรดสูงมากจนเปลี่ยนเป็นสีแดง เกิดเป็นสถานที่สุดแปลกพิลึกและได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวภายในประเทศสเปนในที่สุด  

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 5. ภูเขาโรไรม่า (Mount Roraima)

          ภูเขาโรไรม่า ตั้งอยู่ในเมืองไรโรม่าของประเทศบราซิล ในอเมริกาใต้ บนพรมแดนที่เชื่อมต่อระหว่าง 3 ประเทศ คือ เวเนซูเอลา บราซิล และกายอานา ซึ่งสิ่งที่ทำให้ภูเขาโรไรม่าได้กลายเป็นสถานที่สุดแปลกของโลกก็คือลักษณะของยอดเขาที่แบนเรียบเหมือนกับพื้นโต๊ะ ราวกับธรรมชาติจับปั้น  ล้อมรอบด้วยผาแนวดิ่งสูง 400 เมตร

          และสำหรับนักผจญภัยที่ต้องการไต่เขาลูกนี้เพื่อขึ้นไปชมทิวทัศน์บนยอดเขานั้น หนทางที่ดีที่สุดก็คือการไต่ขึ้นบันไดตามธรรมชาติจากผาฝั่งประเทศเวเนซูเอลา แต่สำหรับนักไต่เขาที่ต้องการความท้าทายมากขึ้นนั้น อาจไต่เขาขึ้นจากผาฝั่งประเทศบราซิล และกายอานา ซึ่งไต่ขึ้นไปได้ยากกว่า

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 6. น้ำพุร้อนสีเลือด (Blood Pond)

          ด้วยความงดงามจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติที่มีความแปลกไม่เหมือนใครนี้เองที่ทำให้ น้ำพุร้อนสีเลือด หรือ นรกขุมที่เก้าแห่งเบปปุแห่งนี้กลายมาเป็นน้ำพุร้อนที่โด่งดังที่สุดของเมืองเบปปุ จังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชูของญี่ปุ่น ซึ่งสีแดงราวกับเลือดของน้ำพุร้อนแห่งนี้เกิดจากน้ำที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่สูงมากนั่นเอง อย่างไรก็ตามเนื่องจากน้ำมีธาตุเหล็กผสมอยู่มากทำให้น้ำพุร้อนแห่งนี้ไม่เหมาะแก่การลงแช่ หรือใช้อาบน้ำ มันจึงถูกใช้เป็นสถานที่ชมวิวไปนั่นเอง 

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 7. ภูเขาช็อกโกแลต (Chocolate Hills)

          สำหรับสถานที่สุดแปลกบนโลกของเราอีกที่หนึ่งคงจะหนีไม่พ้น ภูเขาช็อกโกแลต แห่งเกาะโบโฮล สถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งภูเขานับ 1,268 ลูกที่เรียงรายอยู่นั้นมีลักษณะเป็นรูปทรงกรวยคว่ำเหมือนกัน ทั้งยังมีขนาดที่ใกล้เคียงกันในช่วงความสูงตั้งแต่ 30-50 เมตร อย่างไรก็ดีสำหรับชื่อภูเขาช็อกโกแลตของสถานที่แห่งนี้ มีที่มาจากสภาพของต้นหญ้าสีเขียวที่ขึ้นคลุมภูเขาแต่ละลูกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลในฤดูแล้ง

          นอกจากนี้ ในประเทศฟิลิปปินส์ยังได้มีตำนานหนึ่งที่เล่าถึงต้นกำเนิดของภูเขาช็อกโกแลตด้วยว่า ภูเขาเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลงเหลือจากการต่อสู้กันระหว่างยักษ์ทั้ง 2 ตัว ซึ่งยักษ์ตัวหนึ่งได้ล้มตายจากการต่อสู้นั้น ยักษ์ที่เป็นคู่รักของมันจึงได้ร้องไห้จนหยดน้ำตาหล่นร่วงบนพื้นดินแล้วเกิดเป็นภูเขาแต่ละลูกนั่นเอง

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 8. ซาลาร์ เดอ ยูยูนิ (Salar de Uyuni)
          ซาลาร์ เดอ ยูยูนิ เป็นทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่ถึง 10,582 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย ใกล้ยอดของเทือกเขาแอนดีส ซึ่งชั้นเกลือของสถานที่แห่งนี้เป็นคราบเกลือที่หลงเหลือมาจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีความหนาเป็นเมตร ทำให้ชั้นเกลือเหล่านี้สามารถรองรับน้ำหนักของรถที่แล่นผ่านทะเลเกลือแห่งนี้ได้โดยไม่แตก และนักท่องเที่ยวก็สามารถเดินไปบนชั้นเกลือเหล่านี้เพื่อชื่นชมกับทัศนียภาพสุดอัศจรรย์ของมันได้

          สำหรับภาพที่งดงามที่สุดของทะเลเกลือแห่งนี้จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน ที่ทะเลเกลือจะถูกปกคลุมไว้ด้วยผืนน้ำซึ่งจะสร้างภาพสะท้อนของผืนฟ้าอย่างงดงาม ชนิดที่เราสามารถเห็นฟ้าจรดฟ้าได้เลยทีเดียว

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 9. ทะเลสาบโมโน (Mono Lake)

          ทะเลสาบโมโน แห่งรัฐแคลิฟลอเนีย สหรัฐอเมริกาเป็นทะเลสาบที่ไม่มีทางออกสู่มหาสมุทร ทำให้น้ำในทะเลสาบมีความเค็มอยู่มาก ซึ่งปริมาณเกลือในทะเลสาบแห่งนี้เองที่ก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของบรรดากุ้ง ในทุก ๆ ฤดูจึงมักจะมีฝูงนกนับพันตัวบินถลาลงมาหากุ้งกินเป็นอาหาร และด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่ผสานกับระบบนิเวศเล็ก ๆ นี้เองที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ได้ถูกจัดให้อยู่ในทำเนียบสถานที่สุดแปลกของโลก 

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 10. ประตูนรก (Hell's Door)

          ประตูนรก แห่งเติร์กเมนิสถาน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่รวมไว้ทั้งความแปลกและความน่ากลัว จากสภาพหลุมขนาดยักษ์ ลึกกว่า 70 เมตร ที่มีเปลวเพลิงลุกท่วมตลอดเวลา จนดูราวกับประตูสู่ขุมนรกที่ร้อนระอุ สำหรับประตูนรกแห่งนี้เดิมทีเป็นเหมืองร้างซึ่งมีหลุมขนาดใหญ่ที่มีก๊าซพวยพุ่งออกมา ใน ค.ศ. 1971 คนงานของเหมืองรายหนึ่งจึงตัดสินใจจุดไฟเผาไหม้ก๊าซในหลุม โดยหวังว่าเมื่อก๊าซถูกเผาจนหมด เปลวไฟนั้นจะมอดดับไปเอง โดยที่เขาไม่ทราบเลยว่าแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมานานหลายปี เปลวไฟที่ลุกท่วมหลุมประตูนรกนี้จะยังคงลุกโชนไม่รู้ดับต่อไป

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


          ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ของธรรมชาติอย่างแท้จริง ที่สามารถสร้างสรรค์ให้เกิดความแปลกประหลาดอันแสนงดงามเช่นนี้ได้ จึงไม่น่าแปลกเลยที่สถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้จะได้ชื่อว่าเป็นที่สุดของสถานที่แปลกที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลก ว่าแต่ได้เห็นอย่างนี้แล้ว ขาเที่ยวทั้งหลายตัดสินใจได้หรือยังเอ่ยว่าจะเดินทางไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ใดดี  

ที่มา : http://travel.kapook.com/view64391.html

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เเนะนำตัวค่ะ

แนะนำตัวนะคะ
ดิฉันนางสาว รัชตา หมัดขาว ชื่อเล่นชื่อ บีคะ
บ้านเลขที่ 100/7 ถ.เลียบวารี ซ.สุเหร่านาตับ แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม 10530
เบอร์โทรศัพท์ 0839929XXX Email beebow-1995@hotmail.com
ปัจุจบันดิฉันกำลังศึกษาอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สุวินทวงศ์
ตอนนี้ดิฉันได้คิดวางแผนอาคตของดิฉันก็คือ
การได้ศึกษาต่อในระดับมหาลัยที่ ราชภัฏสวนสุนันทา คณะ สาธารณสุขศาสตร์